นะงะฌิมะ ฌิเงะโอะเป็นอดีตนักเบสบอลและโค้ช เกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1936 ที่จังหวัดชิบะ จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลายซะกุระดะอิชิ(ปัจจุบันคือโรงเรียนมัธยมปลายซะกุระ)ก่อนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยริกเกียว คณะเศรษฐศาสตร์ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ในปี ค.ศ.1954 ในช่วง 4 ปีของการเรียนในมหาวิทยาลัย นะงะฌิมะได้สร้างผลงานในฐานะนักกีฬาเบสบอลในการแข่งขันเบสบอลลีก 6 มหาวิทยาลัยในโตเกียว เช่น สร้างสถิติตีโฮมรันได้ 8 ลูก ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในสมัยนั้น ในปี ค.ศ.1957 ได้เข้าสังกัดทีมเบสบอลอาชีพทีมโยะมิอุริ ไจแอนตส์(Yomiuri Giants)และกลายเป็นผู้ตีหลักของทีมร่วมกับ โอ ซะดะฮะรุ(王貞治)ซึ่งทั้งคู่ถูกขนานนามว่า “ปืนใหญ่ ON”(เป็นการนำอักษรย่อจากตัวต้นของนามสกุลของทั้งคู่มาผสมกัน)และได้สร้างสถิติต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ในช่วงเวลา 17 ปีที่สังกัดทีม นะงะฌิมะได้นำพาทีมให้เป็นแชมเปี้ยนของลีก 13 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วง ค.ศ.1965-1973 ได้เป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ทีมได้เป็นแชมป์ของญี่ปุ่นถึง 9 ปีติดต่อกัน จนกลายเป็นที่มาของคำว่า “เคียวจิน ทะอิโฮ ทะมะโงะยะกิ”(巨人・大鵬・卵焼き หรือสิ่งที่เด็ก ๆ ในสมัยนั้นชื่นชอบซึ่งหมายถึงทีมไจแอนตส์ นักซูโม่ชื่อทะอิโฮ และไข่เจียวหนาฟูแบบญี่ปุ่น)นะงะฌิมะสามารถสะกดผู้ชมด้วยการตีลูกอย่างหนักแน่นแม่นยำ ลีลาการตีลูกพลาดแบบสุดโต่งและการรับลูกอย่างสวยงาม เมื่อครั้งยังเป็นนักกีฬา นะงะฌิงะเป็นผู้เล่นที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั้งประเทศจนได้รับฉายาต่าง ๆ เช่น “มิสเตอร์ไจแอนตส์” “ชายผู้ลุกเป็นไฟ”(燃える男)
นะงะฌิมะเคยได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย เช่น ได้เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ดีเด่น เป็นนักตีที่มีอัตราการตีสูงสุด 6 ครั้ง ตีโฮมรันได้สูงสุด 2 ครั้ง ทำคะแนนได้สูงสุด 5 ครั้ง เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยม(MVP)5 ครั้ง เป็นผู้เล่นเบสต์ไนน์(Best Nine)17 ปีติดต่อกัน และได้คะแนนสูงสุดจากการลงคะแนนของผู้ชมทั่วไปเพื่อลงแข่งออลสตาร์เกม 17 ปีซ้อน ได้รับรางวัลไดมอนด์ โกรฟ(Diamond Glove ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Golden Glove)2 ครั้ง ในด้านสถิติ เขาสามารถทำอัตราการตีได้เกิน 30% 11 ครั้ง ได้เป็นหนึ่งในสิบของผู้มีสถิติการตีดีที่สุดในรอบปี 13 ครั้ง ในส่วนของการแข่งขันชิงแชมป์ญี่ปุ่นหรือซีรีส์ญี่ปุ่น(Nippon Series)นะงะฌิมะได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้เล่นดีเด่น 2 ครั้ง และได้รางวัลผู้ตีดีเด่น 2 ครั้ง ผลงานต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เมื่อเขาประกาศวางมือในปี ค.ศ.1974 ทีมไจแอนตส์ได้ให้เกียรติโดยยกให้หมายเลขประจำตัวของเขาหรือหมายเลข 3 กลายเป็นหมายเลขว่างไม่ให้ผู้ใดใช้ได้อีก ต่อมาในช่วง ค.ศ.1975-1980 และ ค.ศ.1993-2001 นะงะฌิมะได้กลับมารับตำแหน่งโค้ชของทีมไจแอนตส์ ในช่วง 15 ปีของการทำหน้าที่โค้ช เขาได้นำทีมลงแข่งขันรวมทั้งสิ้น 1,982 นัด ชนะ 1,034 นัด แพ้ 889 นัดและเสมอ 59 นัด อัตราการชนะคือ 0.538 ชนะเลิศในลีก 5 ครั้ง เป็นแชมป์ญี่ปุ่น 2 ครั้ง ทั้งที่เข้าสู่ยุคสมัยที่มีการให้ความสำคัญต่อข้อมูลและสถิติอย่างแพร่หลาย แต่สไตล์การคุมทีมของนะงะฌิมะกลับถูกเรียกว่า “คัมพิวเตอร์”(カン(勘)ピューター คำว่า カン หมายถึง ประสาทสัมผัสที่หก ลางสังหรณ์ เป็นคำที่ตั้งขึ้นเพื่อให้เห็นภาพตรงข้ามกับ “คอมพิวเตอร์”)หรือการออกคำสั่งผู้เล่นโดยอาศัยสัญชาตญาณส่วนตัวและความคิดที่แล่นขึ้นมาในสมองเป็นหลักโดยไม่มีการอธิบายด้วยหลักเหตุผล ในปี ค.ศ.1988 ได้รับคัดเลือกให้เข้าสู่หอเกียรติยศของเบสบอล(The Baseball Hall of Fame and Museum)
ในปี ค.ศ.2002 นะงะฌิมะได้รับเลือกให้เป็นโค้ชทีมชาติของญี่ปุ่นเพื่อไปแข่งกีฬาโอลิมปิก 2004 ที่กรุงเอเธนส์ แต่เขากลับล้มป่วยลงเสียก่อนด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองตีบ ทำให้ต้องล้มเลิกการเป็นโค้ชทีมชาติ เพียงแค่ดูจากสถิติก็เพียงพอแล้วที่จะกล่าวได้ว่า นะงะฌิมะเป็นซูเปอร์สตาร์คนสำคัญที่สุดของวงการเบสบอลญี่ปุ่นในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เขาได้สร้างความประทับใจยิ่งไปกว่านั้นให้แก่ชาวญี่ปุ่น รวมทั้งได้สร้างเรื่องราวและวีรกรรมอันสนุกสนานไว้มากมาย ทำให้ปัจจุบันก็ยังมีชื่อเล่นว่า “มิสเตอร์” อันหมายถึง “มิสเตอร์แห่งเบสบอลอาชีพ” และยังเป็นที่ชื่นชอบในชาวญี่ปุ่นหมู่มาก จนน่าจะกล่าวได้ว่าไม่มีใคร “เกลียดนะงะฌิมะ” ในปี ค.ศ.2001 เขาเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการอาวุโสของบริษัทโยะมิอุริพร้อมกับได้รับเกียรติให้เป็นโค้ชกิตติมศักดิ์ตลอดชีพของทีมโยะมิอุริ ไจแอนตส์ นอกจากนี้เขายังดำรงตำแหน่งประธานชมรมอดีตนักเบสบอลทีมโยะมิอุริไจแอนตส์ในช่วง ค.ศ.2003-2008 และได้รับรางวัลผู้มีคุณูปการทางด้านวัฒนธรรมในปี ค.ศ.2005
中山光男 เขียน
ชมนาด ศีติสาร แปล